บทที่ 9 ตอนที่ 9

“ต้องให้ฉันบอกหรือว่าฉันรู้ ฉันเห็นอะไรมา”

หล่อนส่ายหน้าทั้งน้ำตา ท่าทางรังเกียจชิงชังที่เคียร์สแสดงใส่มันทำให้หล่อนเจ็บราวกับถูกมีดคมกริบเฉือนเนื้อหัวใจ หล่อนไม่รู้เลยว่าพี่ชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“หนูอัญไม่เข้าใจ... พี่ชายเป็นอะไรไปคะ ทำไมใจร้ายกับหนูอัญเหลือเกิน...”

หล่อนยังคงสะอื้นไห้ และเดินเข้าไปหา แต่เขาก้าวถอยหนีด้วยกิริยาชิงชัง

“ไม่รักหนูอัญแล้วเหรอคะ พี่ชาย...”

วูบหนึ่งในดวงตาดุดันของเคียร์สไหวกระตุก แต่วินาทีต่อมามันก็เต็มไปด้วยความเย็นชา เกลียดชังเช่นเดิม นี่หล่อนไปทำอะไรให้เคียร์สโกรธเกลียดขนาดนี้กัน

“ฉันไม่เคยรักเธอ!”

“พี่ชาย...”

ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนแทบทรุดลงกองกับพื้น หล่อนคว้าเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ มองเขาด้วยความเสียใจเป็นที่สุด ไม่เคยคิดเลยว่าพี่ชายที่แสนดีจะกลับกลายเป็นคนใจร้าย ทำเหมือนกับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้

“เลิกทำตัวน่าสมเพชเสียที และก็กลับห้องไปได้แล้ว” เขาเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างโมโห “เพราะฉันไม่มีทางหวั่นไหวกับผู้หญิงสองหน้าแบบเธอหรอก อัญชัน”

“พี่ชาย...”

หล่อนเรียกชื่อของเขาเสียงแผ่วเบา ไม่... ไม่ใช่แค่แผ่วเบา แต่มันแทบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลยต่างหาก หล่อนมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง และเจ็บปวด

“หนูอัญ... หนูอัญกลับก็ได้ค่ะ พี่ชายดื่ม... ดื่มนมซะนะคะ”

หล่อนเห็นเขากัดฟันแน่น กรามแกร่งของเขาปูดเป่งขึ้นเป็นสันนูน และจ้องเขม็งมาที่หล่อน

“ฉันไม่ดื่มนมของเธอหรอก”

เขาว่าแบบนั้น ก่อนจะคว้าแก้วนม และเดินตรงไปที่หน้าต่าง หล่อนจ้องมองไปทั้งน้ำตา ก็ได้เห็นว่าเขาโยนแก้วใส่นมที่หล่อนอุตส่าห์นำขึ้นมาให้ด้วยหัวใจโยนทิ้งลงไปอย่างไม่ไยดีเสียแล้ว

“พี่ชาย... ทำไมพี่ชายใจร้ายกับหนูอัญแบบนี้คะ”

เขาเดินกลับมาหยุดตรงหน้าหล่อน มือใหญ่กุมบ่าบอบบางของหล่อนเอาไว้ และกดแรงๆ จนหล่อนเจ็บ

“ถ้าไม่อยากให้ฉันใจร้ายอีก ก็อย่ามาวุ่นวายกับฉัน และถ้าเป็นไปได้ก็ไสหัวไปให้พ้นหน้า จำเอาไว้”

“พี่ชาย...”

“ออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว”

หล่อนสะอึกสะอื้น ตกใจ เสียใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจนขาไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน หล่อนทรุดฮวบลงกับพื้นห้อง ท่ามกลางสายตาชิงชังของเคียร์สที่จ้องมองมา

“พี่ชาย...”

เคียร์สกอดอกและยิ้มหยันกับภาพที่เห็น หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงรีบวิ่งเข้าไปช้อนร่างเล็กขึ้นมากอดปลอบประโลมแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด

“อย่ามาทำเป็นสำออย ออกไปซะ!”

อัญชันร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ก่อนจะกัดฟันพยุงตัวเองออกมาจากห้องนอนของเคียร์สด้วยหัวใจที่แตกสลาย ความเจ็บปวดกับความสับสนมึนงงยังคงทำให้หล่อนทรมานได้เท่าเทียมกัน

มันเกิดอะไรขึ้นกับเคียร์สกันแน่ ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ หรือเรื่องราวในอดีตมันไม่ใช่เรื่องจริง ความรักความเมตตาของเขามันไม่ได้มีอยู่จริงใช่ไหม

สาวน้อยพาตัวเองเดินโซซัดโซเซกลับมายังห้องนอน ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นหลังบานประตูที่เพิ่งลงกลอน หยาดน้ำตาไหลออกมานองหน้า ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่ก็ยังไม่อาจจะขบคิดหาเหตุผลได้ว่าทำไมเคียร์ส ถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้

“พี่ชาย... นี่พี่ชายไม่รักหนูอัญแล้วเหรอคะ”

หล่อนคร่ำครวญครั้งแล้วครั้งเล่า ร้องไห้ราวกับคนเสียสติ แต่กระนั้นความปวดร้าว ความเจ็บช้ำก็ยังอัดแน่นอยู่ภายในหัวใจไม่เสื่อมคลาย หล่อนทรมาน ทุกข์ระทมจนแทบอยากจะหยุดหายใจ เพราะอะไร เพราะอะไรกัน เหตุการณ์แบบนี้ถึงได้เกิดขึ้น

อัญชันร้องห่มร้องไห้อยู่ที่เดิมตรงนั้น ก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งน้ำตาในที่สุด

“คุณหนูอัญขา... ตื่นหรือยังคะ”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงเรียกของป้าสมใจที่ดังตามมา และทั้งสองสิ่งนี้ก็ทำให้หล่อนรู้สึกตัวตื่น หล่อนกัดฟันลุกขึ้นจากพื้นห้องที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะรีบเปิดประตูให้กับป้าสมใจ

“ตื่น... แล้วค่ะป้าสมใจ”

ป้าสมใจยิ้มกว้างกับบานประตูที่เปิดออก ก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นหน้าของอัญชันเต็มตา

“ตายแล้วคุณหนูอัญ ทำไมตาบวมเป่งแบบนั้นล่ะคะ”

ป้าสมใจตกใจ รีบเดินเข้ามาในห้อง

“หนูอัญ... ไม่ได้เป็นอะไรค่ะป้าสมใจ”

อัญชันรีบหันหลบ แต่ก็ไม่พ้นเพราะป้าสมใจดึงตัวให้มาเผชิญหน้าด้วยความเป็นห่วง

“ตาบวมขนาดนี้ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกเหรอคะ”

“หนูอัญ... ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะป้าสมใจ” หล่อนฝืนยิ้ม แต่หน้าก็เศร้าหมองเหลือเกิน

“บอกป้ามาซะดีๆ เมื่อคืนร้องไห้ใช่ไหมคะเนี่ย”

สิ่งที่ป้าสมใจพูดมันคือเรื่องจริง แต่หล่อนจะบอกออกไปได้ยังไงกันล่ะ หล่อนไม่ต้องการให้เกิดปัญหาขึ้นภายในบ้านของผู้มีพระคุณ

“คือ... คือหนูอัญดูซีรีส์เกาหลีน่ะค่ะ แล้วมันจบเศร้าก็เลย...”

“ร้องไห้ใช่ไหมคะ” ป้าสมใจต่อให้อย่างรู้ทัน

อัญชันรีบพยักหน้ารับสมอ้างทันที “ใช่ค่ะป้าสมใจ”

“โธ่ คุณหนูอัญของป้า ทำไมถึงได้ต่อมน้ำตาตื้นนักล่ะคะ”

หล่อนทำได้แค่ยิ้มเศร้าๆ ให้กับคู่สนทนา ก่อนจะเอ่ยถามถึงคนที่หล่อนคิดถึงทุกลมหายใจ

“เอ่อ... พี่ชายตื่นหรือยังคะ”

“ตื่นแล้วค่ะ ตอนนี้ก็นั่งรอคุณหนูอัญไปร่วมโต๊ะอาหารค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป